เครื่องมือคุณภาพ 7 ชนิด นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือเหล่านี้เป็นการรวบรวมและประยุกต์ใช้วิธีการทางสถิติ การใช้หลักการทางด้านเหตุผล และศาสตร์ความรู้ในด้านต่าง ๆ มารวบรวม และเลือกใช้ในการจัดการกับปัญหาแต่ละชนิด เครื่องมือคุณภาพ 7 ชนิดนี้ มีที่มาจากองค์กรหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ชื่อว่า Union of Japanese Scientists and Engineers และกลุ่ม Quality Control Research Group ซึ่งได้ถูกจัดตั้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1946 เพื่อค้นคว้าและทำการศึกษา ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องระบบการควบคุมคุณภาพให้กับอุตสาหกรรมภายในประเทศของญี่ปุ่น โดยมีจุดหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าของญี่ปุ่นให้สามารถเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างทัดเทียมประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจในสมัยนั้นอย่างอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก
จากนั้นได้มีการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น (Japanese Industrial Standards) หรือ JIS marking system ได้นำมาบังคับใช้เป็นกฏหมายในปี ค.ศ. 1950 และยังได้มีการเปิดสัมมนาทางวิชาการด้านการควบคุมคุณภาพให้แก่ผู้บริหารระดับต่าง ๆ และวิศวกรในประเทศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง Dr. W. E. Deming เป็นผู้นำในโครงการ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาคุณภาพ ซึ่งต่อมาก็ได้มีการตั้งรางวัล Deming Prize อันมีชื่อเสียงทั่วโลก เพื่อมอบให้กับองค์กรอุตสาหกรรมหรือโรงงานที่มีการพัฒนาด้านคุณภาพดีเด่นของญี่ปุ่น
ต่อมาในปี ค.ศ. 1954 ทางญี่ปุ่นได้เชิญ Dr. J. M. Juran มาทำการฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักการควบคุมคุณภาพ เพื่อสร้างรากฐานความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรในการนำเทคนิคเหล่านี้มาใช้งาน โดยได้รับความร่วมมือจากพนักงานทุกฝ่าย นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาและรวบรวมเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพ ทั้ง 7 ชนิด ที่เรียกกันว่า 7 QC Tools มาใช้อย่างแพร่หลายจนทุกวันนี้
เครื่องมือคุณภาพทั้ง 7 ชนิดที่ได้รับการยอมรับและนิยมใช้ทั่วโลกนั้น มีดังต่อไปนี้
แผนภูมิพาเรโต (Pareto Diagram)
ผังแสดงเหตุและผล (Cause-and-Effect Diagram) หรือผังก้างปลา (Fishbone Diagram)
กราฟ (Graph)
ใบตรวจสอบ (Checksheet)
ผังการกระจาย (Scatter Diagram)
ฮีสโตแกรม (Histogram)
แผนภูมิควบคุม (Control Chart)
มีเกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องมือคุณภาพทั้งหลายนี้ คือ การที่ชาวญี่ปุ่นได้ตั้งชื่อวิธีการเหล่านี้ว่า ‘เครื่องมือควบคุมคุณภาพ 7 ชนิด’ นั้น
เป็นการตั้งชื่อตามตำนานนักรบชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Benkei ผู้มีอาวุธร้ายกาจประจำตัว 7 ชนิดพกอยู่ที่หลัง และเลือกเอามาใช้ต่อสู้ได้อย่างเก่งกาจ
เปรียบเสมือนว่าการมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือคุณภาพทั้ง 7 ชนิด ก็จะสามารถเลือกเครื่องมือแต่ละชนิดมาใช้ในแต่ละสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เพื่อแก้ปัญหาได้สำเร็จทุกประการเช่นเดียวกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณวันเฉลิม วรรณสถิตย์ แผนกที่ปรึกษา
อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.tpif.or.th/WebDev/index.php (สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น))
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Power Point ได้ที่ Download
ใส่ความเห็น